ลูกโขกนำชัย พาเชลซี เบียดนอริชยึดที่ 3 นำ แมนยู,เลสเตอร์
ลูกโขกนำชัย พาเชลซี เบียดนอริชยึดที่ 3 นำ แมนยู,เลสเตอร์ 4 แต้มแต่แข่งมากกว่า 1 นัด ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอังคารที่ผ่านมา
ลูกโขกนำชัย แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ "สิงห์บลูส์" พาทีมกลับ สู่เส้นทางอีกครั้ง หลังเปิดรังเฉือน นอริช ที่ตกชั้นไปแล้ว 1-0 จากประตูชัย ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
เก็บเพิ่มเป็น 63 คะแนนยึด อันดับ 3 ของตารางนำ แมนยู, เลสเตอร์ 4 แต้มแต่แข่ง มากกว่า 1 นัด ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เปิดเกม ช่วง 3นาที แรก เชลซี เป็นฝ่าย สาดลูกทักทายก่อน นอริช ได้แต่ เสียวไส้
นาทีที่ 20 เจ้าถิ่น โหมบุกหนักได้ลุ้นอีกครั้ง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ตวัดเร็วด้วยซ้าย แต่ เบาเกินไปเข้ามือ ทิม ครูล อย่างนิ่มนวล
นาทีที่ 29 เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า จ่ายเข้าในให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ มารอรับบอลแบบไร้ตัวประกบแต่จังหวะยิงไม่ดีเหินข้ามคานเหลือเชื่อ ดูเหมือน จะมีปันหา กับการจบสกอร์
เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งแรก เชลซี ทะยานออกนำจนได้เป็น คริสเตียน พูลิซิช แต่งหาจังหวะก่อนปั่นเข้าเขตโทษให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เบียดเอาชนะ ทิมม์ โคลเซ่ ทิ้งตัวโขกผ่านมือ ทิม ครูล ตุงตาข่าย
จบเวลาครึ่งแรก เชลซี ชวนนำไปก่อน 1-0
เริ่มเกม ช่วงครึ่งหลังผ่านมา 10 นาทียังคงเป็น เจ้าถิ่น เร่งเครื่องไม่หยุดเกือบบวกสกอร์เพิ่มจากลูกขยันของ วิลเลี่ยน ฉก ลูกก่อนซัดข้ามตานไป
หลังจากนั้น ทั้ง สองทีมก้ทำอะไรกันไม่ได้ จบสกอร์กันไม่ลง จนจบช่วงครึ่งหลัง ทำให้เชลซี เอาชนะไปได้อย่างหวุดหวิด 1-0 จากสกอร์ ช่วงครึ่งแรก
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามตัวจริง
นอริช (4-2-3-1) :ทิม ครูล - แม็กซ์ อารอนส์, เบน ก็อดฟรี่ย์, ทิมม์ โคลเซ่, จามาล ลูอิส - อเล็กซานเดอร์ เท็ตเตย์ (มาร์โค ชตีเปอร์มันน์ น.79) - โอเนล เอร์นานเดซ (ตีมู ปุ๊กกี้ น.79) - เคนนี่ แม็คลีน, ลูคัส รุปป์, ท็อดด์ แคนท์เวลล์ (เอมิเลียโน่ บวนเดีย น.71) - โจซิป เดอร์มิค (อดัม ไอดาห์ น.79)
ผู้จัดการทีม : ดาเนี่ยล ฟาร์เค่
เชลซี (4-3-3) :เกปา อาร์รีซาบาลาก้า - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, คูร์ท ซูม่า, มาร์กอส อลอนโซ่ (รีซ เจมส์ น.80) - รูเบน ลอฟตัส-ชีค (รอสส์ บาร์คลี่ย์ น.67), จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช - วิลเลี่ยน, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (แทมมี่ อับราฮัม น.86), คริสเตียน พูลิซิช (คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย น.81)
ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด
ผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น